ทำไมถึงไม่ควรพลาดการลงทุนในงานศิลปะ ในช่วง 2020 ที่ผ่านมานี้ การระบาดของโรค Covid-19 ทำให้หลายธุรกิจหยุดชะงัก ส่งผลให้การลงทุนในรูปแบบดั้งเดิม เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรือตราสารหนี้เองก็ตาม มีความผันผวนมากขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การลงทุนในช่วงวิกฤตแบบนี้ การกระจายความเสี่ยง ถือเป็นเรื่องสำคัญ
นอกจากสินทรัพย์ในรูปแบบดั้งเดิมที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมี “สินทรัพย์ทางเลือก” ให้นักลงทุนเลือกจัดสรรสินทรัพย์เข้าพอร์ตการลงทุนอีกด้วย ซึ่งสินทรัพย์ทางเลือกมักให้ผลตอบแทนที่สูง และที่สำคัญคือ สินทรัพย์ทางเลือกมักจะให้ผลตอบแทนที่ไม่สอดคล้องไปกับสินทรัพย์กระแสหลัก ดังนั้นการกระจายสินทรัพย์ในการลงทุน จะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนลงได้
แล้วมีสินทรัพย์ทางเลือกอะไรที่น่าสนใจบ้าง?
การลงทุนในต่างประเทศ สามารถลงทุนได้ทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ ซึ่งเป็นกระจายความเสี่ยงในแง่ของประเทศที่ลงทุน แต่ความเสี่ยงก็ยังมีในเรื่องของประเทศที่จะไปลงทุนและความผันผวนของค่าเงิน
อสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดินเปล่า บ้านให้เช่า คอนโด หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผลตอบแทนอาจมาในรูปแบบของส่วนต่างราคา ค่าเช่า หรือเงินปันผล และยังต้องตระหนักถึงเรื่องสัญญา กฎหมาย และสภาพคล่อง
ของสะสม เช่น เหรียญ แสตมป์ หรืองานศิลปะ ซึ่งเป็นการลงทุนที่มักให้ผลตอบแทนที่สูงและมีความเฉพาะทางมาก
ในปีที่เราอาจเคยได้ยินงานศิลปะ “กล้วยแปะเทปกาว”เป็นผลงานของเมาริซิโอ คัตเตลาน ศิลปินชื่อดังชาวอิตาเลียน ซึ่งถูกประมูลไปที่ราคา 120,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.6 ล้านบาท
หลายอาจกำลังตั้งคำถามอยู่ว่า ของสะสมจะมีมูลค่าได้อย่างไร? เราได้รวบรวมปัจจัยที่ทำให้งานศิลปะมีมูลค่าขึ้นมาได้ 8 ปัจจัยดังต่อไปนี้
-ชื่อเสียงของศิลปิน
-เรื่องราวหรือที่มาของงานศิลปะ
-ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
-ระยะเวลาของงานศิลปะ
-ความสมบูรณ์ของงานศิลปะ
-ความหายากของงานศิลปะ
-รสนิยมหรือความชอบส่วนบุคคล
-ความต้องการกระจายความเสี่ยงของนักลงทุน